แชร์บทความต่อ
ควินัว

ควินัวหรือในบางประเทศก็เรียกว่าคี้หนั่ว เป็นพืชโบราณของชาวอินคาที่ปลูกกันมานานมากกว่า 3-4 พันปี โดยชาวอินคานั้นถือว่า ควินัวเป็นซุปเปอร์อาหาร เมล็ดของควินัว หน้าตาจะคล้ายๆกับเมล็ดธัญพืช แต่ความจริงแล้วควินัวเป็นพืชตระกูลที่ใกล้เคียงกับผักขมหรือผักปวยเล้ง ควินัวเป็นอีกหนึ่งในธัญพืชที่เป็นที่นิยมกันในต่างประเทศ ซึ่งบางประเทศนั้นนิยมนำควินัวมารับประทานแทนพาสต้า ข้าว หรือขนมปัง นั่นก็เป็นเพราะว่าเมล็ดควินัว นั้นค่อนข้างที่จะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเหล่าธัญพืชชนิดอื่นๆ

จากการศึกษาพบว่าในเมล็ดควินัวนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย นอกจากนั้นก็ยังมีสารที่ต้านการอักเสบและการบาดเจ็บของเซลล์ เจ้าตัวสารนี้นี่เองที่จะช่วยให้เซลล์นั้นฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังการต่อสู้กับเชื้อโรค ไม่เพียงเท่านั้นในเมล็ดควินัวยังอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญๆดังนี้

โปรตีน – มีปริมาณมากถึง 16-18 %

กรดอะมิโน ลิวซีน ( Leucine ) – มีปริมาณมากถึง 4.9%

กรดอะมิโนไอโซลิวซีน ( Isoleucine ) – ซึ่งมีปริมาณมากถึง 6.6%

นอกจากนี้ยังพบว่ามีกรดอะมิโนอื่นๆ ซึ่งเป็นกรดอะมิโนเหมือนกับที่พบในน้ำนม ซึ่งร่างกายจะนำไปใช้ในการสร้างโปรตีนเพื่อซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอต่างๆได้อย่ามีประสิทธิภาพ แร่ธาตุสำคัญๆ – ยกตัวอย่างเช่น แคลเซียม ในเมล็ดควินัวนั้นมีแคลเซียมอยู่ในปริมาณที่ที่ค่อนข้างสูง โดยในเมล็ดควินัวแห้ง 100 กรัมพบว่ามีแคลเซียมอยู่ในปริมาณที่สูงถึง 148.7 มิลลิกรัม ในขณะที่ข้าวสาลีมีแคลเซียมอยู่ในปริมาณ 50.3 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุอื่นๆอยู่ในปริมาณที่สูงเช่น โพแทสเซี่ยม แม็กนีเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับธัญพืชอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ดีอีกด้วย เส้นใยอาหาร ( Fiber ) –

ถึงแม้ว่าเมล็ดควินัวนั้นจะมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ แต่ว่าประกอบไปด้วยเส้นใยอาหารหรือใยอาหารมากกว่าธัญพืชอื่นๆ ถึงเท่าตัวซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมระบบย่อยอาหาร และยังช่วยป้องกันอาการท้องผูก ไม่เพียงเท่านั้น ควินัวยังเหมาะสำหรับผุ้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานอีกด้วยเพราะควินัวนั้นมีค่าดัชนีน้ำตาลที่ค่อนข้างต่ำ แต่กลับมีเส้นใยสูง ปราศจากกลูเตน หรือ Gluten Free – ซึ่งในธัญญพืชส่วนมากอย่างเช่น ข้าวสาลี ข้าวไรซ์และข้าวบาร์เลย์ จะมีกลูเตนซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งอยู่

และมีหลายๆคนที่แพ้โปรตีนชนิดนี้ ควินัว ถือว่าเป็นสุดยอดอาหารหรือเป็น super food จนในปี 2013 องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นปีแห่งควินัว การปรุงหรือนำเมล็ดควินัวมาทำอาหาร ก็มีวิธีรับประทานที่ค่อนง่ายอีกด้วยเพราะมีลักษณะคล้ายการหุงข้าวในบ้านเราโดยล้างควินัวให้สะอาดก่อนนำไปหุง และหุงในสัดส่วนของน้ำ 2 ถ้วยต่อ ควินัว 1 ถ้วย จะใช้เวลาในการหุงประมาณ 20 นาที เพียงเท่านี้ก็ควินัวก็สุกพร้อมรับประทานกันแล้ว เวลาหุงสุก เมล็ดควินัวจะมีเม็ดใสๆคล้ายๆเม็ดสาคู จากนั้นก็นำไปทำอาหารเมนูต่างๆได้หลากหลายเมนูทั้งอาหารคาว อาหารว่างและของหวาน อย่างเช่น อาจนำไปทำสลัด หรือข้าวผัดควินัว ทอดมันผักคีนัว มัฟฟินควินัวและอีกหลากหลายเมนู

ลักษณะของเม็ดควินัวดิบ